View Categories

10 สาเหตุอุจจาระแข็ง ก้อนใหญ่ ถ่ายไม่ออก – วิธีป้องกันง่ายๆ ได้ผลจริง!

เวลาที่ใช้อ่าน: 1 min read

เลือกอ่าน

อุจจาระก้อนใหญ่เป็นปัญหาทางการขับถ่ายที่หลายคนอาจเคยประสบหรือพบเจอ โดยทั่วไปแล้วอุจจาระควรมีลักษณะนิ่มและขับถ่ายง่าย แต่เมื่อมันแห้ง แข็ง หรือมีขนาดใหญ่มากจนทำให้ขับถ่ายยากหรือเจ็บปวด อาจเกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกิน, การดื่มน้ำ, หรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารหรือการทำงานของลำไส้ใหญ่ แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องปกติ แต่หากเกิดอาการนี้แบบต่อเนื่อง อาจทำให้เรามีภาวะลำไส้อุดตัน ริดสีดวง ไปจนถึงมะเร็งลำไส้ได้

สาเหตุทำอุจจาระแข็ง เบ่งไม่ออก #

ปัญหาท้องผูก #

ภาวะท้องผูกหมายถึงการที่การขับถ่ายอุจจาระผิดปกติ เช่น ขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือมีอาการเบ่งอุจจาระไม่ออก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการที่อุจจาระเคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่ช้าลง ส่งผลให้ลำไส้ดูดน้ำจากอุจจาระมากขึ้น ทำให้อุจจาระแห้ง แข็ง และการขับถ่ายเกิดความลำบากมากขึ้น

อาการเบ่งอุจจาระไม่ออกจากท้องผูกมักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การดื่มน้ำไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ และการใช้ชีวิตแบบเนือยนิ่ง (Sedentary lifestyle)

ภาวะอุจจาระอัดแน่น #

ภาวะอุจจาระอัดแน่น คือการสะสมของอุจจาระที่มีขนาดใหญ่ แข็ง และแห้งในปลายลำไส้ใหญ่ ซึ่งกีดขวางการขับถ่ายอุจจาระใหม่ ภาวะนี้มักเกิดจากอาการท้องผูกเรื้อรัง และพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ

อาการที่อาจพบ ได้แก่

  • เบ่งอุจจาระไม่ออก
  • ท้องป่อง
  • ปวดท้องหรือปวดหลัง
  • อุจจาระเล็ดออกเมื่อไอหรือหัวเราะ
  • ปัสสาวะน้อย
  • มีไข้

โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS) #

โรคลำไส้แปรปรวนคือกลุ่มอาการที่มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ อาการปวดท้อง, ท้องอืด, เบ่งอุจจาระไม่ออก, ท้องเสีย, ท้องผูก หรือแม้กระทั่ง อาการท้องเสียและท้องผูกสลับกัน สาเหตุยังไม่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของลำไส้หรือความไวต่อสิ่งเร้าที่มากเกินไป

ปัจจัยที่อาจกระตุ้นอาการ

  • ความเครียด
  • การบริโภคอาหารบางประเภท เช่น นม, น้ำอัดลม, อาหารมัน, และอาหารรสเผ็ด

อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ #

ระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีระดับโปรเจสเตอโรนสูง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อภายใน รวมถึงกล้ามเนื้อในลำไส้คลายตัว ส่งผลให้อุจจาระเคลื่อนที่ช้าลง ความช้านี้อาจนำไปสู่ภาวะท้องผูกและปัญหาในการเบ่งอุจจาระได้

โรคลำไส้อุดตัน #

เบ่งอุจจาระไม่ออกอาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้อุดตัน ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อลำไส้เล็กหรือลำไส้ใหญ่เกิดการอุดตัน และทำให้อาหาร ของเหลว รวมถึงอุจจาระไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านได้

ปัจจัยที่อาจกระตุ้นอาการ:

โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ไส้เลื่อน การมีพังผืดในลำไส้ หรือโรคมะเร็งลำไส้

วิธีรักษา และ การป้องกัน #

การเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุจจาระก้อนใหญ่สามารถช่วยในการหาวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม

ดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ #

หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอุจจาระก้อนใหญ่คือการขาดน้ำในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อุจจาระแห้งและแข็ง เมื่อร่างกายขาดน้ำ ระบบทางเดินอาหารจะดึงน้ำจากอุจจาระในลำไส้ใหญ่เพื่อใช้ในกระบวนการต่างๆ ซึ่งส่งผลให้อุจจาระมีลักษณะแห้งและแข็งขึ้น การขับถ่ายจึงยากและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทวารหนักและเกิดเป็นริดสีดวงได้

การดื่มน้ำไม่เพียงพอเป็นปัญหาที่หลายคนละเลย โดยเฉพาะในกรณีที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอตามความต้องการของร่างกาย เช่น ในช่วงที่ร่างกายต้องการน้ำมากขึ้นในสภาพอากาศร้อนหรือออกกำลังมาก

การรับประทานไฟเบอร์ให้เพียงพอ #

ไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ไฟเบอร์จากพืชช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ และทำให้เนื้ออุจจาระนิ่มและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น หากรับประทานไฟเบอร์ไม่เพียงพอ อุจจาระจะมีลักษณะแห้ง แข็ง และไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ดีในลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดอุจจาระก้อนใหญ่และมีอาการท้องผูก

อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ได้แก่ ผัก ผลไม้ ธัญพืช และถั่ว การบริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น

ลดความเครียด และความวิตกกังวล #

ความเครียดมีผลต่อระบบทางเดินอาหารอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่ความเครียดส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารเกิดความไม่สมดุล หรือที่เรียกว่า “โรคลำไส้แปรปรวน” (Irritable Bowel Syndrome, IBS) ซึ่งอาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ผิดปกติ เช่น ท้องผูกหรือท้องเสีย สภาพนี้อาจทำให้เกิดอุจจาระที่แห้งแข็งและยากต่อการขับถ่าย

ความเครียดที่สะสมอาจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่มีผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารและการเคลื่อนไหวของลำไส้ ซึ่งการควบคุมความเครียดจึงเป็นวิธีการหนึ่งในการบรรเทาปัญหาทางการขับถ่าย

ปรับตัวกับสถานที่ไม่คุ้นชิน #

การทำธุระในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยจะมีผลต่อความรู้สึกและทำให้ขับถ่ายได้ยากขึ้น เช่น การใช้ห้องน้ำในสถานที่ใหม่ ๆ หรือสถานที่ที่ไม่สะดวกสบาย หรือไม่สะอาด เป็นต้น

ขอคำแนะนำผลข้างเคียงของยา #

ยาบางประเภทสามารถมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอุจจาระก้อนใหญ่ โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อการขับถ่ายและระบบทางเดินอาหาร ยาบางชนิดอาจทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลงหรือทำให้ร่างกายดูดซับน้ำจากอุจจาระมากเกินไป ส่งผลให้อุจจาระแห้งและแข็งขึ้น

ตัวอย่างของยาที่อาจมีผลต่อการขับถ่าย ได้แก่ ยาคลายกล้ามเนื้อ (ที่ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวด), ยาระบายบางชนิด (ที่ใช้ในระยะยาวอาจทำให้ลำไส้ขาดความสามารถในการทำงานตามธรรมชาติ), และยาบางประเภทที่ใช้รักษาภาวะซึมเศร้า (ยากลุ่ม SSRIs) ที่อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร

หมั่นออกกำลังกาย ลดความเสี่ยงโรคระบบลำไส้ #

หลายๆ โรคสามารถส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายและทำให้เกิดอุจจาระก้อนใหญ่ เช่น โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้, โรคไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism), โรคลำไส้แปรปรวน (IBS), หรือโรคอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารและลำไส้ใหญ่ โรคเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกเรื้อรังและอุจจาระที่แห้งแข็ง

ลดพฤติกรรมการขับถ่ายไม่เหมาะสม #

พฤติกรรมบางประการอาจทำให้เกิดอุจจาระก้อนใหญ่ได้ เช่น การกลั้นอุจจาระหรือไม่ให้เวลากับการขับถ่ายเพียงพอ อาการนี้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลไม่ไปห้องน้ำเมื่อรู้สึกต้องการขับถ่าย ทำให้ลำไส้ดูดซับน้ำจากอุจจาระมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้การขับถ่ายยากขึ้นในภายหลัง

เพิ่มพรีไบโอติกส์ #

ระบบทางเดินอาหารของเรามีแบคทีเรียที่ดีและมีประโยชน์จำนวนมากที่ช่วยในการย่อยอาหาร การขาดแบคทีเรียที่ดี หรือความไม่สมดุลในระบบแบคทีเรียในลำไส้สามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนการย่อยอาหารและการขับถ่าย ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกและอุจจาระที่แข็ง

การดูแลสุขภาพลำไส้และการรับประทานอาหารที่มีพรีไบโอติกส์ (เช่น กระเทียม, หอม, กล้วย) และโพรไบโอติกส์ (เช่น โยเกิร์ต) อาจช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้และช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

ลดอาหารรสจัด #

เนื่องจากระบบขับถ่ายเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นการทานอาหารใดเข้าไป ก็มีผลต่อการขับถ่ายอย่างแน่นอน ซึ่งอาหารดังกล่าวมีผลต่อการระคายเคืองของลำไส้ การดูดซับน้ำ และเยื่อเมือกของลำไส้ใหญ่ นั่นทำให้การขับถ่ายยากขึ้น หรืออุจจาระมีความแข็ง ก้อนใหญ่มากขึ้น ดังนั้นควรเลี่ยงอาหารเหล่านี้ เพื่อระบบขับถ่ายที่ดีของเรานั่นเอง

คำถามที่พบบ่อย #

กินอะไรให้อุจจาระตกค้างออกหมด #

ควรรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักสด ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ และช่วยให้ขับถ่ายอุจจาระตกค้างออกไปหมด อ้างอิง: Hfocus.org

กินอะไรให้ถ่ายทันที #

บางคนอาจพบว่าการดื่มกาแฟอุ่นหรือน้ำผลไม้สด เช่น น้ำส้มคั้นหรือน้ำลูกพรุน ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และส่งผลให้ถ่ายได้ภายในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ผลของอาหารหรือเครื่องดื่มเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากคุณมีอาการเรื้อรังหรือกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง อ้างอิง: โรงพยาบาลเชียงใหม่

ท้องผูกแบบไหนควรไปหาหมอ #

ควรไปพบแพทย์เมื่ออาการท้องผูกเกิดขึ้นในลักษณะต่อเนื่องหรือมาพร้อมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่รุนแรงขึ้น อาทิเช่น
  • ท้องผูกเรื้อรัง
  • อาการปวดรุนแรง
  • มีเลือดหรือมูกในอุจจาระ
  • มีไข้หรือน้ำหนักตัวลดผิดปกติ
  • เบ่งอุจจาระไม่ออกหรือมีอาการอุดตัน
อ้างอิง: โรงพยาบาลนครธน

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีอุจจาระตกค้าง #

แนะนำให้สังเกตุอาการต่างๆ ที่อาจบ่งชี้ถึงการมีอุจจาระตกค้างในร่างกาย หากอาหารเหล่านี้มาพร้อมกับการขับถ่ายไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและรับคำแนะนำการปฏิบัติที่เหมาะสม
  • รู้สึกอึดอัดหรือแน่นในท้อง
  • เบ่งอุจจาระไม่ออกหรือรู้สึกว่าขับถ่ายไม่หมด
  • ขับถ่ายยากและมีอาการปวดท้องหรือปวดหลังร่วมด้วย
  • บางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้หรือไม่สบายท้อง

กินอะไรตอนเช้าช่วยขับถ่าย #

สำหรับมื้อเช้าที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย แนะนำให้เลือกอาหารที่มีใยอาหารสูงและช่วยปรับสมดุลของระบบย่อยอาหารดังนี้:
  • อาหารที่มีใยอาหารสูง: เช่น ข้าวโอ๊ต ซีเรียลธัญพืชเต็มเมล็ด หรือขนมปังโฮลวีต
  • ผลไม้: แอปเปิ้ล ลูกแพร์ หรือผลไม้สดอื่น ๆ ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์
  • ผักสด: เช่น ผักใบเขียวหรือสลัดที่ให้ใยอาหาร
  • โยเกิร์ต: ที่มีโปรไบโอติกส์ ช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้
  • ของเหลว: ดื่มน้ำเปล่าหรือชาในตอนเช้าเพื่อช่วยให้ใยอาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น
การรวมอาหารเหล่านี้ในมื้อเช้าจะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และส่งเสริมการขับถ่ายอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ผลของอาหารแต่ละชนิดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง

          หากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง เราควรที่จะปรับอาหารการกิน และพฤติกรรม เช่น การเพิ่มการกินน้ำให้เยอะขึ้น การทานผัก ผลไม้ ที่มีไฟเบอร์สูง การสวนทวารเพื่อขับถ่าย (ระมัดระวังเรื่องความสะอาดและวิธีการที่ถูกต้อง) การใช้สมุนไพรหรือยาถ่ายในบางกรณี (ไม่แนะนำให้ใช้นานเพราะอาจทำให้เกิดภาวะลำไส้ขี้เกียจหรือติดยาถ่ายได้)

หากสงสัยว่าตัวเอง มีอาการริดสีดวงอยู่หรือไม่ สามารถสอบถามเพิ่มเติม คอมเมนต์หรือแชร์บทความนี้เพื่อช่วยเหลือคนที่อาจมีปัญหาเดียวกัน ได้ที่ช่องทาง ตามนี้

อ้างอิง: Pobpad.com